วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

สิ่งที่ทำลายเวลาของเรา

คุณเคยเป็นแบบนี้บ้างหรือไม่ ??

ตื่นตีห้ามา ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว ออกไปทำงาน ...
เผลอแป๊บเดียว...ห้าโมงเย็นแล้ว...
กลับถึงบ้าน เปิดทีวี เปิดคอมฯ เล่นเฟซบุ๊ค...
เผลออีกที...ห้าทุ่มแล้ว...

ผ่านไปหนึ่งวันไม่รู้สึกอะไร...
เผลออีกที...หนึ่งปีแล้ว...

ปีนี้พลาดไปไม่เป็นไร ปีหน้าแก้ตัวใหม่...
เผลออีกที...สิบปีแล้ว...

..เวลาหายไปไหน..

..ใครขโมยเวลาเราไป..

ไม่ต้องตามหาที่ไหน.. ไม่ต้องโทษใคร.. เราเองแหละที่ทำให้เวลามันเสียไปเอง

แล้วเวลามันเสียไปได้อย่างไร เก็บไว้นานมันเลยบูดไปเหรอ..

ไม่ใช่หรอก แต่เพราะเราไม่เข้าใจหลักการของเวลาต่างหาก..

ณ ที่นี้ มี 4 สิ่งที่ทำลายเวลาของเรา ซึ่งพวกเราเกือบทุกคน ต่างก็หลงอยู่กับทั้ง 4 สิ่้งนี้ไม่มากก็น้อยน่ะแหละ

สิ่งแรกก็คือ "มือถือ ทีวี เฟซบุ๊ค และเทคโนโลยีสมัยใหม่อื่นๆ"

ไม่เชื่อหรือ ว่าสิ่งเหล่านี้ เป็น "เพชรฆาตเวลา" ตัวฉกาจเลยทีเดียว

ถ้าไม่เชื่อ พรุ่งนี้คุณลองนั่งนับเวลาที่คุณใช้กับมือถือ (โดยเฉพาะพวกสมาร์ทโฟน เช่น ไอโฟน บีบี) เวลาที่คุณอยู่กับทีวี (ไม่ว่าจะดูละครน้ำเน่า ซีรี่ส์เกาหลี เกมโชว์ หรือคอนเสิร์ตก็ตาม) แล้วมารวมกับเวลาที่คุณอยู่กับเฟซบุ๊ค (หรืออาจเป็น social networking อื่นๆ ก็แล้วแต่)

ลองนับดูนะ..คุณอาจต้องตกใจ..
เพราะสำหรับบางคน มันอาจมากกว่าเวลาที่คุณใช้ในการทำงานในแต่ละวันเสียอีก.. (ก็แน่ล่ะ บางคนทำงานยังเล่นเฟซบุ๊คไป บีบีกับแฟนไปนี่นา)

อย่างที่สอง "คำบ่น" บ่นว่าสิ่งนั้นก็ไม่ดี สิ่งนี้ก็ใช้ไม่ได้ สิ่งนู้นไม่ได้ดั่งใจ บ่นๆๆๆๆๆๆ
เคยนับกันหรือไม่ครับว่า วันๆ หนึ่ง คุณใช้เวลากับการบ่นไปกี่ชั่วโมง

บางคนบอกว่าไม่มากหรอก เวลาที่ใช้บ่นอย่างมากแต่ละครั้งก็ไม่เกิน 1 นาที
แต่ลืมคูณไปหรือเปล่าครับ ว่าวันนี้บ่นไปกี่ครั้ง
บางคนบ่นทุกสิบนาที หนึ่งชั่วโมงก็เท่ากับบ่นไป 6 นาที
หนึ่งวันก็กลายเป็นใช้เวลาบ่นไป 144 นาที...อ้าว เฮ้ย! นั่นมันสองชั่วโมงกว่าเลยนะ

แน่นอนครับ เจอปัญหาคงอดบ่นไม่ได้ คงอดเล่าถึงปัญหาให้คนอื่นฟังไม่ได้

แต่เมื่อไหร่ที่เจอปัญหาจนอยากบ่น ขอให้จำไว้ว่า

"จงใช้เวลาแค่ 20% เพื่อพูดถึงปัญหา แต่จงใช้เวลา 80% ในการแก้ปัญหานั้น"

นี่แหละครับ เคล็ดลับของการบริหารเวลาแบบมืออาชีพ

อย่างที่สาม "การพยายามทำให้คนอื่นพอใจ" ก็เป็นอีกสิ่งที่หนึ่งที่ทำให้เราเสียเวลามาก
เพราะไม่ว่าเราจะดีขนาดไหน...ก็จะมีบางคนที่จะไม่มีวันที่จะชอบเรา
ไม่ว่าเราจะพยายามทำดีกับเขามากเท่าไหร่...แต่ก็จะมีบางคนที่ไม่ต้องการอยู่กับเราอย่างสันติสุข

เรามักเสียเวลาแสวงหาเพื่อนที่ไม่อยากเป็นเพื่อนเรา
แต่ลืมนึกไปว่า เวลาที่เสียไปนั้นเป็นเวลาที่เราควรจะใช้ไปกับคนที่อยากจะเป็นเพื่อนเรา
เราจึงเสียโอกาสที่จะมีเพื่อนดีๆ เพราะมัวแต่ไปมองหาเพื่อนที่ไม่ดี

อย่าลืมว่า เวลาของเรา มีค่าเกินกว่า จะเอาไปให้ใครที่ไม่เห็นคุณค่า

อย่างสุดท้าย "การคิดว่าตัวเราเองไม่สำคัญหรือไม่มีค่า"

เรามักชอบเสียเวลากับการมองหาตัวตน
แต่ไม่ได้ใช้มุมมองของเรา มองเราอย่างที่เราเป็น

เรามักชอบใช้ไม้บรรทัดของคนอื่น เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในชีวิตเรา

ถ้าเราไม่มีเท่าเขา ไม่เด่นไม่ดังเท่าเขา ถือว่าเรายังไม่สำเร็จ

ถ้าใครตอนนี้เป็นอย่างนี้

อยากให้ลองไปหาคนที่เป็นแบบนี้ แล้ววันนี้เค้าประสบความสำเร็จตามตัวชี้วัดนั้น

แล้วถามเขาว่า..

วันนี้เขาดีใจหรือไม่กับความสำเร็จที่เค้าได้รับ

ผมเชื่อว่าคำตอบที่คุณจะได้รับ

คือ "ไม่"

เพราะเค้าพึ่งจะค้นพบว่า

ตลอดเวลา สิ่งที่เขาไล่ตาม.. คือความฝันของคนอื่น..

ไม่ใช่ของตัวเอง

และเมื่อความฝันของคนอื่นสำเร็จขึ้นมา ความสำเร็จนั้น ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรกับเรา
เพราะมันไม่ใช่ความฝันของเราที่สำเร็จ

มาถึงวันนี้ วันที่ชีวิตเราเดินกันมาขนาดนี้

อย่ามัวถามว่าเราเป็นใคร เรามีคุณค่าอะไร กันอีกเลย
ยอมรับในตัวตน เชื่อในการทรงสร้างของพระเจ้า ว่าพระเจ้าสร้างเรามาดี สร้างมาอย่างมีวัตถุประสงค์

เราไม่ใช่เหตุบังเอิญ เราไม่ใช่ผลผลิตของความผิดพลาดของโลกนี้

เพราะฉะนั้น เราทุกคนต่างมีคุณค่า
ขอเพียงเริ่มต้นลงมือ ใช้สิ่งที่เป็นเรา เป็นตัวขับเคลื่อนให้เรามุ่งสู่เป้าหมาย ที่เป็นของเราเอง

ทั้งสี่อย่างนี่ คือ สิ่งที่ทำให้เวลาเราเสียไป มันคือเพชรฆาตเวลาจอมวายร้าย ที่คอยเข่นฆ่าเวลาของเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น